5.11.2557

[Review] ก่อไฟ ดูปู ที่หาดในยาง

ห่างหายไปนาน ราวกับว่า มีโควต้าเขียนบทความได้ปีละ 1 บทความกันเลย  ที่เป็นอย่างงี้ ก็ไม่ใช่เหตุอื่นใดเลย นอกจาก ไม่ได้มีความเป็น Artist เหมือนหลายๆคน  ที่มีไว้ แค่เพื่อไว้แชร์ประสบการณ์ หรือแนวคิด   กลับมาเขียนบทความครั้งนี้ ก็มาแบบไม่มีแนวทางที่แน่ชัด  แตกต่างจากบทความที่เคยมีมาอย่างสิ้นเชิงเหมือนเดิม   คราวนี้อยากมารีวิว การท่องเที่ยว ว่าแล้วก็ทำเสียงเหมือนแร๊พเองแล้วขอพูดว่า "ขอเชิญรับชมกันได้เลยคร๊าบ"

อย่างแรกเลย ก่อนจะเริ่มทำอะไร  สิ่งสำคัญคือ  เตรียมตัวครับ  หลายๆคนอาจมีแนวทางที่แตกต่างกัน ส่วนผม  ก่อนทำอะไร โดยเฉพาะเที่ยว(เรื่องนี้ผมจริงจังมาก) คือการจดลิสต์  เหมือนเวลาเราจะไปซุปเปอร์มาเก็ตนั่นแหละครับ ว่าต้องใช้อะไรบ้าง  ก็ไล่เตรียมมา แล้วมาติ๊กๆๆ  จนกว่าจะครบ  นั่นแปลว่า เราพร้อมสำหรับทำกิจกรรมนั้น ระดับนึงแล้ว   ผมเลือกจะเขียนใส่สมุดโน๊ตเล็กๆ  บางคนอาจมีสมาร์ทโฟน มีแท็บเล็ตแตกต่างกันไป  ส่วนผมเน้นฟีลลิ่ง ใช้สมุดเล็กๆครับ มันได้อารมณ์จริงๆ



เมื่อร่ายรายการของที่จำเป็นคร่าวๆแล้วก็ มาเตรียมของกัน  ง่ายๆเลย ก็ทำเหมือนจัดกระเป๋าไปเรียนตอนประถม นั่นแหละครับ ดูตารางเรียนไปหยิบของมาใส่กระเป๋าไป หรือกองรวมกันไว้ที่เดียวกันไว้
*บอกตรงๆคืนก่อนไป ผมนอนไม่เคยหลับครับ ตื่นเต้นทุกครั้งที่จะไปกางเต้นท์


จากนั้นก็ต้องข่มตานอนเอาแรงครับ

ตื่นเช้ามาก็มาดูลิสต์แล้วก็ออกไปหาซื้อของที่ขาดต่อไป

ประเด็นคือเราต้องออกไปซื้อของจากหลายๆที่  และภูเก็ตก็ไม่ใช่เมืองที่เราจะเดินไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบาย   แต่คนภูเก็ตเค้าเข้าใจจุดนี้ครับ  จึงได้มีธุรกิจที่มีชื่อว่า "รถเช่า" ยังไงก็ต้องใช้รถไปที่จุดหมายของเราอยู่แล้ว  ก็ออกไปเช่ารถมาเลยครับ
ราคาเช่ารถต่อวันอยู่ที่ 200 บาทต่อวัน  แต่เรายังเป็นนักศึกษา ราคานักศึกษาคือ 150 บาทต่อวันครับ 




พอได้รถแล้วก็ออกไปซื้อของจากหลายๆที่ครับ  ทั้งบิ๊กซี, เซเว่น, ซุปเปอร์ชีพ  (อันหลังนี่ชีพตามชื่อครับ เหมาะกับคนลุยๆ ไม่เน้นเรื่องการบริการ แต่เน้นเรื่องราคาที่เป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์)

ลืมบอกไปว่าจุดหมายของเราคือ หาดในยาง  หรือ อุทยานแห่งชาติสิรินาถ

เตรียมของเสร็จแล้วก็เริ่มเดินทางเลยครับ   ใช้เส้นทางขาออกจากภูเก็ตเลย   ถ้านึกไม่ออก ไปตามป้ายสนามบินเลยครับ  จาก GoogleMaps คำนวณระยะทางได้ ราวๆ 30 กิโลเมตร  ทรหดเอาการสำหรับมอเตอร์ไซค์




ทางเข้าอุทยานที่หาง่าย ก็คือ ซอยข้างสนามบินเลยครับ 
ตรงไปเรื่อยๆไม่หลงแน่นอน  เส้นทางค่อนข้างจะร่่มรื่น


ขับเข้าซอยมาไม่ถึง 20 นาที ก็จะเจอป้ายอุทยาน พร้อมที่กั้นที่เปิดอยู่ 



ถึงตรงนี้ สตั๊นไปสักพัก  เนื่องจากก่อนไปทำการบ้านมา  อุทยาน จะเก็บค่าเข้า(ราคาผู้ใหญ่)คนละ 20 บาท  และค่าเช่าที่กางเต๊นท์ คนละ 40 บาทต่อคืน รวมกันก็ คนละ 60 บาทสำหรับกางเต๊นท์ 1 คืน  และอุทยานเปิดให้บริการตั้งแต่ 08.00 น. ถึง 18.00 น. 

แต่!! ประตูอุทยาน เปิดตลอดครับ   แล้วที่ทางเข้า ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่คอยเก็บค่าธรรมเนียมเลย   จะมีก็แต่ป้ายอุทยาน ที่ทำหน้าที่ของมันไม่หยุดพักเลย

ไม่เป็นไรครับ  ตราบใดที่ประตูเปิดอยู่ เราก็ไม่ท้อ ขับตรงเข้ามาเลย  เจอร้านขายของ เยอะแยะ  มีป้ายบอกทางไปลานกางเต๊นท์ ว่าให้ขับตรงไป  เราก็ตรงไปตามที่ป้ายบอก  แต่ขับไปเรื่อยๆ เหมือนจะถึงทางออกอีกด้าน   

แต่โชคดีที่ไปเจอ ที่ทำการอุทยานซะก่อน   จึงเลี้ยวเข้าไป เพื่อสอบถาม  จนท.บอกว่า กางเต๊นท์ ติดต่อที่นี่ได้เลย ค่าธรรมเนียมคนละ 30 บาท   . . . เอิ่ม นี่มันครึ่งต่อครึ่งเลยนะเนี่ยควักกระเป๋าจ่ายไป พร้อมถามต่อว่าลานกางเต๊นท์อยู่ที่ไหน

จนท.บอกว่ากางได้หมดครับ  หน้าหาด  หรือจะหน้าที่ทำการเลยก็ได้  ห้องน้ำก็อยู่หลังที่ทำการ

เราก็เดินไปหน้าหาด  หาที่โล่งๆ เหมาะๆ  แก่การกางเต๊นท์  แต่ดันลืมถามว่าจุดไหนก่อกองไฟได้บ้าง   เลยขับรถกลับไปที่ทำการอุทยาน  แต่ จนท. กลับไปซะแล้ว   ก็กลับมาหาจุดที่ไม่อันตรายต่อป่าเองละกัน

นอกจากหน้าหาดแล้ว แทบไม่เจอที่ไหนเหมาะแก่การก่อกองไฟเลย  เนื่องจากมีเศษกิ่งไม้ ยอดหญ้า แล้วเหมือนฟางแห้งๆ เต็มพื้น   แต่ผมไม่ชอบกางเต๊นท์หน้าหาดเพราะรำคาญทรายมาก  บวกกับ ไม่ทราบระดับน้ำสูงสุดที่จะขึ้นมา  เลยไม่อยากเสี่ยง  เดินหาที่ข้างบน  ได้อยู่จุดหนึ่ง  มีแต่ทรายแน่นๆ  แต่เป็นใต้ต้นไม้   ปกติคอเที่ยวแนวกางเต๊นท์จะรู้กันดีว่า เราไม่ควรกางเต๊นท์ใต้ต้นไม้ เพราะกิ่งไม้อาจหล่นลงมาได้  แต่นาทีนี้ ที่ปลอดภัยแก่การก่อกองไฟ สำคัญกว่าครับ  ว่าแล้วก็เอาอุปกรณ์ออกมา และแสดงความเป็นเจ้าของบริเวณนั้นทันทีครับ



อันที่จริงเค้าห้ามนำรถทุกชนิดเข้ามาบริเวณหาดนะครับ   มีป้ายเขียนไว้ว่า "ฝ่าฝืน ปรับ 500" ทีแรกผมก็จอดไว้ที่ข้างถนนตรงทางเข้าหาดนะ   แต่กางเต๊นท์ไป เห็นคนที่มาเที่ยวขี่เข้ามาดื้อๆเลย   ผมเลยคิดว่า ถ้า จนท. จะปรับ ก็ยอมเสีย 500 ดีกว่าการมานั่งไม่สบายใจว่ารถจะเป็นยังไง  เพราะรถเราก็เช่าเค้ามา  ราคาแพงกว่า 500 บาทเป็นไหนๆ  
ตรงนี้ก็ต้องขออภัยทางอุทยานจริงๆนะครับ

ต่อไปก็จะเป็นภาพบรรยากาศ ซึ่งจะมีข้อความยาวๆให้คนอ่านรำคาญน้อยลงนะครับ




รอบๆเต๊น มีทั้งบริเวณที่ร่มรื่น และโล่งแจ้ง ครับ




เริ่มก่อไฟ ตั้งแต่ยังไม่ค่ำครับ
ที่นี่มองเห็นวิวพระอาทิตย์ตกด้วยนะครับ  แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะมัวแต่ไปเดินหาฟืน

หาฟืน+เดินเล่นกันจนมืด


 

 อันนี้เป็นเทคนิคสำหรับคนที่ไม่มีไฟฉายตะเกียง  โดย ลุง500 จาก Pantip.com ครับ
ได้แสงกำลังดี กว้าง และไม่แสบตา(เท่าเอาไฟฉายส่องตรงๆ)ครับ



ปิ้งย่างอาหารกินกันได้สักพัก  เจ้าที่ชุดแรกก็ออกมาครับ  คงได้กลิ่นอาหาร   แต่ผมก็ไม่แบ่งให้นะ ^^



ตกดึก เหลือผมนั่งย่างปลาอยู่คนเดียว เจ้าที่ชุดที่สอง ก็ปรากฏตัวมาครับ
รอบนี้ผมตัดสินใจแบ่งปลาให้กินด้วย  นอนกินสบายเลยย

สภาพอากาศค่อนข้างร้อนครับ 
จนกระทั่ง
ฝนตก เลยตัดสินใจเก็บข้าวของที่จำเป็นเข้าเต๊นท์  เอาของมีค่าไว้กับตัว  สละเต๊นท์ ไปหลบฝนอยู่ที่ทำการอุทยาน




ถือโอกาสเข้าไปสำรวจห้องน้ำด้วยเลย  ห้องน้ำทำมาค่อนข้างดีครับ ยกเว้นไฟที่ติดเพียงบางดวงทำให้ภายในห้องน้ำดูมืดมาก  กับประตูห้องน้ำที่ล็อคไม่ได้

พอฝนหยุดกกลับเข้าไปตรวจดูความเสียหาย ปรากฏว่า ภานในเต๊นท์เอาอยู่ครับ  น้ำไม่ซึม
ฝนมารอบสอง  ก็หลบอยู่ในเต๊นท์นั่นละครับ  เกือบเช้าได้ยินเสียงเหมือนมีการเคลื่อนไหวบนผ้ายางหน้าเต๊นท์  เลยเปิดออกไปดู   เจอเจ้าที่อีกแล้วครับ



รอบนี้ก็ปูครับ แต่เป็นปูเสฉวน แบกกระดองมาค้นถุงขยะพออิ่มแล้วก็จากไป

หลังจากฝนตก อากาศก็เย็นสบาย  หลับยาวกันจนถึงเช้า  จึงลงไปเดินเล่นชายหาด   สดชื่นและเงียบสงบดีครับ






จบทริป  สรุปถือเป็นอีกที่กางเต๊นท์ที่สงบ  อากาศไม่หนาวมากนัก  ออกไปทางร้อน ไม่ทราบเป็นเพราะผมมาช่วงฤดูร้อนรึเปล่า  แต่ความปลอดภัยไม่มากเท่าที่ควรจะเป็น สำหรับอุทยานแห่งชาติ    เนื่องจากตอนดึกจะมีวัยรุ่นขับรถเข้ามาดื่มเบียร์กันที่ชายหาด  ซึ่งไม่เหมาะอย่างยิ่งกับการมากางเต๊นท์คนเดียว   ควรพาพรรคพวกมากันหลายๆคน  ชายหาดก็ไม่สะอาดมากนัก  แต่สงบ  บนถนนมีชาวบ้านเข้ามาวิ่งออกกำลังกายยามเช้าด้วย





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น