กลับมาเขียนละเว้ยย!! บล็อกแรกของปีนี้เลย บทความสุดท้ายก็นู่นนนน สามปีที่แล้ว ฮ่าๆ ก่อนหน้านี้ก็เขียนทีนึง แต่เป็นบล็อกของเพจ SalaryPacker ดับไปละ ไม่รุ่ง เขียนบ่นคนเดียวดีกว่า ทริปเชียงดาว เดี๋ยวไว้ค่อยก๊อปมาวางบล็อกนี้ใหม่ ตอนนี้จะเล่าทริป "เขากำแพง" ก่อน
"เขากำแพง" ฟังครั้งแรก ก็นึกถึงกำแพงเมืองจีน . . . (นั่นมันกำแพงบนเขาป่ะวะ) แต่ข้อมูลว่ามันอยู่เมืองกาญฯ ก็ลดจินตนาการลงมาหน่อย คงเป็นเขาชันๆ ต่อๆกัน เหมือน เขาช้างเผือก ล่ะมั้ง(อยู่กาญเหมือนกันซะด้วย) เลยอยากลองไปเพราะคนรู้จักน้อยมาก ก็ชวนบัง ชวนเพื่อนๆ ชวนน้องๆ ไปเรื่อย จนล่าสุดเอารีวิวพันทิพมาแปะในไลน์กลุ่มเพื่อนเดินป่า สรุปคือ ได้เว้ย มันจัดการจองคิว จองรถ จองลูกหาบ แถมยังหาสมาชิกมาจนครบ 10 คนให้เสร็จสรรพ จัดการให้ซะคนชวนอายเลย โธ่!!
ข้ามมาวันเดินทางเลยดีกว่า ทริปนี้ก็เหมารถตู้กันไปเลย โดยเรามานัดเจอกันที่ ปั๊ม ปตท. สนามเป้า เพราะเห็นทริปที่จัดแบบคอมเมิร์ชช่อล ชอบนัดเจอกันที่นี่ รถออกจาก กทม. ตอน สี่ทุ่ม (ออกดึกได้ เพราะไปแค่กาญฯ) แล้วแวะรับเพื่อนที่เหลือตามรายทาง ที่เป็นทางผ่าน คนขับก็ขับรถไป ส่วนเราก็นอนพักผ่อนเอาแรงสบายๆครับ ตื่นอีกทีตอนเพื่อนปลุกมาบอกว่า อีก 40 กิโลฯ ก็ถึงอุทยานฯละ ผมก็ยกข้อมือตัวเองมาดูนาฬิกา "เชี่ยร์ส!!" ไม่ใช่ว่าจะชนแก้ว แต่มันคือเสียงอุทาน เพราะตอนนั้น เวลาแค่ ตี 1 ครึ่ง จะขึ้นไปอุทยานแล้วตอนเช้าค่อยลงมาซื้อของสด อาหารเช้า เพื่อนๆก็ไม่เอากันอีก ก็ต้องฆ่าเวลากันข้างล่างนี่แหละ คนอื่นทำไรกันไม่รู้ แต่ผม . . . ลงมานอนเอาแรงอยู่ หน้าเซเว่น เหมือนหมาเลยครัช (เพื่อนใน Facebook ได้คอมเม้นเอาไว้)
จน ตีสี่ ก็ออกเดินทางต่อไปยังตลาด . . . . ตลาดอะไรไม่รู้ อารมณ์คล้ายตลาดนัด อ.แว้ง(นะเว็ง) ที่เปลี่ยนมาเปิดตอนกลางคืนมาก เราจะปล่อยกลุ่มผู้จัดฯ เค้าลงไปซื้อข้าวของเข้าบ้านกันไป เราก็เอาตัวรอด หาซื้ออาหารกินตอนเช้า ตอนเที่ยง ก็พอ
แล้วเราก็มาถึง อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ ตอนประมาณ หกโมงกว่าๆ พวกเราก็ลงจากรถมาจัดแจงของ ใครใคร่แบก แบก ใครไม่แบกก็ทิ้งไว้บนรถตู้ ส่วนลูกหาบเอาไว้แบกของกองกลาง
รอจน 8 โมงเช้า ได้เห็นบรรยากาศ เจ้าหน้าที่อุทยานฯ มายืนเคารพธงชาติ พร้อมเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสา เป็นภาพที่ไม่ได้เห็นมานานมากแล้วตั้งแต่เรียนจบมัธยมมา หลังเคารพธงชาติ ก็ส่งตัวแทนไปทำเรื่อง พร้อมจ่ายค่าธรรมเนียมต่างๆ
ระหว่างนี้ เจ้าหน้านำทางก็ออกมาเตรียมตัวกันหลายคนเลย ในใจคิดว่าสัปดาห์นี้คนมาเดินหลายกลุ่มรึเปล่า แต่มาทราบตอนก่อนเดินขึ้นว่า มีไม่กี่กลุ่มหรอก แต่เจ้าหน้าที่มาเพื่อเป็นลูกหาบนี่เอง
แล้วรถที่จะมารับเราไปส่งที่จุดเริ่มเดิน ก็มาถึง คันนี้เลย เหมือนที่เห็นในรีวิวเป๊ะ
และไม่น่าเชื่อว่าเราทั้งหมด 10 คน รวมเจ้าหน้าที่อีก 3 คน จะอัดกันขึ้นบนรถกระบะเก่าๆนี้ได้ (ตอนไปดอยหลวงเชียงดาว 9 คน กับลูกหาบอีก 2 คน ยังต้องใช้ 2 กระบะ)
จากที่ทำการอุทยานฯ ห่างออกไปประมาณ 2 กิโลเมตร ก็ถึงจุดเริ่มเดินครับ ก่อนขึ้น เจ้าหน้าที่ก็จัดแจงของที่จะหาบ กลุ่มเราก็โดนเทศอยู่สักพัก กับข้าวของที่ดูไม่น่าเอามาใช้ในป่าเอาซะเลย ฮ่าๆๆ โดนพี่วิบูลย์ เจ้าหน้าที่นำทางของเรา ตรวจของทีละชิ้น ปรากฎว่า โดนถอดออกไปครึ่งหนึ่งเพราะไม่จำเป็น แล้วก็เริ่มเดิน ตอนเวลาประมาณ 9:20
ตามธรรมเนียม ก็เก็บ(ส)ภาพก่อนขึ้นพิชิตยอด เผื่อมีจำหน่ายระหว่างทาง
ป่านี้ไม่เจอเสือดำ แต่เจอหมีดาวครัช
แอบถ่ายพี่วิบูลย์ จนท.อุทยาน ผู้ซึ่ง . . . ทิ้งข้าวของกุไว้ที่เชิงเขาไปครึ่งหนึ่ง
ทางก็พูดได้ว่ามีแต่ทางขึ้น ขึ้น ขึ้น อย่างเดียว อย่างที่รีวิวนึงให้นิยามว่า "เส้นทางไร้ทางราบ"
มาได้ครึ่งทาง ก็แวะกินข้าวเที่ยงกัน เพราะเวลาก็ประมาณเกือบเที่ยงแล้ว . . . กินเสร็จ ก็นอนรอเพื่อนที่ยังมาไม่ถึงอีกสักงีบละกัน
แรกๆ ก็แค่นอนเล่นมองยอดไม้
หวังจะนอนเท่ห์ อัพรูปนี้ลงไอจี
ทำไมเป็นงี้ไปได้
พบอีกหนึ่งราย สภาพเดียวกัน
บ่ายโมงกว่าๆ แล้วอยู่ๆ ก็ขึ้นมาเห็นป้ายนี้ "ยอดเขากำแพง" ถึงแล้วเรอะ ป่ะโธ่
เรามาถึงกันเร็วเกิน ขาแรงก็งี้ (จริงๆรั้งท้ายกลุ่มเลยนะ) จะไปกางเต๊นท์เลยก็ร้อนตับแล่บ ก็แยกย้ายพักผ่อนกันตามอัธยาศัย บ้างก็ไปถ่ายรูปเล่น
เห้ยเดี๋ยว . . . นี่กูเอง
บ้างก็ไปขโมยธงชาติของอุทยาน
หยอกคับ จริงๆคือพี่อีกกลุ่มเค้าเห็นว่าธงของอุทยานเริ่มเก่าแล้ว เลยสละธงส่วนตัวแกมาปักแทนให้ น้องในกลุ่มก็อาสาปีนขึ้นไปเปลี่ยนให้
แต่ผม . . (จริงๆ แล้ว)หมดแรง เลยมาผูกเปลนอนใต้ต้นไม้ก่อน
ได้นอนอีกแล้วว่ะเฮ้ย ฮ่าๆๆ
เวลาประมาณ 3 โมงเย็น แดดเริ่มอ่อน ก็ตื่นขึ้นมา กางเต๊นท์ กางฟลายชีท แล้วเดินสำรวจสถานที่ ถ่ายรูปเล่นกันต่อ
แนวเขาซ้อนกัน อย่างกับรูปที่แถมมากับวินโดวส์ XP
ยึดเป็นจุดชมวิวหน้าเต๊นท์ซะเลย
พอเริ่มหมดแสงอาทิตย์แล้ว เราก็มาช่วยกันทำอาหาร ช่วยๆกันตามที่ตัวเองถนัดไป
ที่ทานมื้อเย็นของเรา บอกเลย ตึกที่สูงที่สุดใน กทม. ยังให้ไม่ได้ สวยมากหรอ . . . ป่าวมันแพง คงไม่มีปัญญาไปกิน
กินมื้อเย็นเสร็จ ก็เก็บจานชาม แล้วแยกย้ายครับ บางคนไปนั่งกินขนม บางคนไปนั่งต้มน้ำสมุนไพรกิน บางคนเข้าเต๊นท์นอน แต่ผม . . . ถ่ายรูปเล่นครับ
ที่ซื้อเต๊นท์นี้มา เมื่อสองปีที่แล้ว ก็เพื่อฉากนี้เลย
ตี 5 เพื่อนก็มาปลุกมาถ่ายช้าง ไม่ใช่ช้างป่านะ แต่เป็น ใจกลางกาแล็คซี่ทางช้างเผือก พวกตากล้องชอบเรียกสั้นๆว่า "ช้างเผือก" หรือ "ช้าง"
เอาวะ ลองสักครั้งในชีวิต อื้อหือ ถ่ายติดครั้งที่สองในชีวิต อยากจะโทรไปโม้ให้พ่อกับแม่ฟัง แต่พอได้เห็นจากกล้องคนอื่นนี่ กุปิดกล้องแทบไม่ทันเลย โธ่ว์ ชัดซะอย่างกะ Interstella แต่ก็เอาเถอะ เรามันแค่คนชอบเที่ยว ที่มือเสือกถือกล้อง จะไปสู้ช่างภาพเค้าได้ไง (ปลอบตัวเองงี้ตลอด ฮ่าๆๆ)
ก็ยังจะอัพขึ้นมาเนาะ
ตอนกลางวันเต๊นท์เราก็ออกจะธรรมด๊า ธรรมดา
แต่วิวก็ . . . อย่างที่เห็นอ่ะ (มองบน)
พอเริ่มสว่าง ก็ได้เวลาที่เย็งจะวาดลวดลายครับ มีอะไรเด็ดๆหรอ เปล่า อยากโชว์กาแฟสดบนเขา แค่นั้น
เอ้า ชนคับ คุณธรรมชาติ
แต่(เบื้องหลัง)กว่าจะได้กิน . . นี่ ลำบักขิไหลุย
แล้วก็เข้าเต๊นท์เก็บของไป คนอื่นก็ทำอาหารเช้าไป แต่บังเอิญเป็นโจ๊กหมู เราก็ได้แค่แยกตัวหงอยๆ แทะหนมปังของตัวเองที่เตรียมมา ทานมื้อเช้าเสร็จ ก็เก็บเต๊นท์ เก็บฟลายชีท เตรียมเดินลงเขาครับ
ตอนเดินลงนี่ก็ไม่มีไรมาก เดินอย่างเดียว ไม่แวะกินข้าว ไม่แวะนอนแล้วครับ ประมาณ 2 ชม. ถึงตีนเขา ลงมาถึงก็เห็น รถกระยะคันเดิม พร้อมสัมภาระเต็มกระบะรอเราอยู่แล้ว นี่แสดงว่าคนอื่นลงมาถึงนานแล้วดิ ป่ะโธ่ รั้งท้ายอีกละกรูว์ แล้วทริปก็จบลงด้วย ดี รถกระบะพาเราไปส่งที่ทำการ อาบน้ำ กินข้าว แล้วขึ้นรถตู้กลับ ปตท.สนามเป้า ที่เดิม ที่เราเริ่มทริป
โดยรวมทริปค่อนข้างโอเค อากาศไม่ได้หนาวมาก วิวพระอาทิตย์ขึ้น/ตก มี(แต่กลุ่มเรา ไม่มีใครไปดูสักคน)
สำหรับค่าใช้จ่ายในทริปนี้ หมดเป็นหมื่นครับ . . . สำหรับ 10 คน ก็เฉลี่ยแล้ว 1,xxx บาท ตามรายละเอียดดังนี้ . . .
ค่าเข้าอุทยานฯ 40 * 10 คน = 400 บาท
ค่าพื้นที่กางเต๊นท์ 30 * 10 คน = 400 บาท
ค่าลูกหาบ 800 * 2 คน * 2 วัน = 3,200 บาท
ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 800 * 2 วัน = 1,600 บาท
ค่ารถ 4WD รับ-ส่งจุดเริ่มเดิน 600 บาท/เที่ยว = 600 บาท
ค่านำรถยนต์เข้าอุทยาน 30 บาท/คัน = 30 บาท
ค่าเช่ารถตู้พร้อมคนขับ 1800 บาท * 3 วัน = 5,400 บาท
ค่าน้ำมันรถ(รถตู้) 1,400 บาท
ค่าใช้จ่ายสำหรับอาหารการกิน
อาหารแห้ง/ชา+กาแฟ 414 บาท
เครื่องปรุงอาหาร 1xx บาท
ข้าวสาร/น้ำดื่ม 475 บาท
อาหารสำหรับมื้อเช้า 1xx บาท
อาหารสด ณ ตลาดตอนเช้า 2xx บาท
แก๊สกระป๋อง 1xx บาท
ค่าขนของ 4xx บาท
รวมๆก็ 14,XXX บาท
จ่ายสองพันมีทอน มาเดือนละครั้งขนหน้าแข้งยังไม่ร่วงเลย ไม่แพงเลยกับสิ่งที่ได้กลับมา
สำหรับเขานี้ ก็ไม่ได้หวือหวาอะไร เจ้าหน้าที่อัธยาศัยดี ลานกางเต๊นท์ไม่เยอะ สงบดี ส่วนเส้นทางเดินก็สั้นๆ แต่ไม่ค่อยมีทางราบให้เดิน แดดค่อนข้างน้อน อากาศไม่หนาวเท่าไหร่ ทะเลหมอกไม่มี(เราไม่ได้หวังมาดูอยู่แล้ว)
โดยรวมถือว่าดีครับถ้าไม่รวมเรื่องที่ทะเลาะกับแฟนตั้งแต่วันก่อนไป จนวันกลับ แต่กระนั้นเรื่องดีๆก็ยังมีอยู่ อย่างน้อยก็ทำให้รู้จักเพื่อนเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่แค่กลุ่มเรา 10 คน รวมถีงพี่ๆคนอื่นที่ไม่ได้มากับเรา แต่ก็มาคุยมาช่วยมาสอนมาแนะนำ และแลกเปลี่ยนความรู้กัน นีแหละคือประโยชน์แฝงของการท่องเที่ยวในแบบของผม
โบราณว่าเข้าป่า ให้นับคนดีๆ ออกจากป่าอาจมีสมาชิกเกินออกมา . . . ผมเชื่อละ ขึ้น 10 ลงมาเกือบ 20
เรื่องราวอาจมีการแต่งเติม เพื่ออรรถรสในการเล่าเรื่อง
ขอบคุณ
ขอบคุณเพื่อนร่วมทริป ขอบคุณเพื่อนใหม่
ขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนร่วมในทริปนี้ครับ
Photo by : Sony a6000, SAMSUNG Galaxy S8, Nikon D750(แชมป์), Nikon D5500(เอ้), Gopro Hero(ท๊อป)